การฉีดเมโสเพื่อรักษาหรือชะลอฝ้า จะเห็นผลเร็วหรือช้า ขึ้นอยู่กับว่าคนไข้มีปัญหามากน้อยแค่ไหน และมีความสม่ำเสมอในการฉีดเมโสหน้าใสหรือไม่ครับ
การที่จะให้เห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจน ต้องฉีดเมโสหน้าใสต่อเนื่อง การฉีดครั้งเดียวอาจจะไม่เพียงพอครับ หมอจะแนะนำให้ฉีดคอร์ส 5 ครั้ง เพื่อรักษาผลลัพธ์ และช่วยให้ฝ้าลดลงเร็วขึ้น ปกติจะค่อยๆ เห็นผลใน 7-14 วัน
ฉีดเมโสหน้าใสแบบสะกิด
เป็นวิธีการฉีดเมโสหน้าใส ด้วยการใช้เข็มฉีดตัวยาเมโสสะกิดผิวหน้าเป็นจุดเล็กๆ ทั่วบริเวณใบหน้า โดยสะกิดเป็นจุดเล็กๆ ในผิวชั้นตื้น เพื่อให้วิตามินซึมเข้าสู่ผิว และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้กับชั้นผิว มีข้อดีคือ เจ็บน้อย เนื่องจากเป็นแค่การใช้เข็มสะกิดเบาๆ ทั่วใบหน้า แต่ข้อเสียคือ มีผลข้างเคียงระหว่างฉีดได้ง่าย เช่น หากทำโดยเครื่องมือที่ไม่สะอาดอาจทำให้เกิดการติดเชื้อ หรือรอยบวมแดงตามมาหากทำหัตถการกับคลินิกที่ไม่ได้มาจรฐาน และตัวยากยังออกฤทธิ์ได้น้อยกว่าการฉีดแบบ 16 จุด
ฉีดเมโสหน้าใส 16 จุด
เป็นวิธีการฉีดเมโสหน้าใสด้วยการฉีดตัวยาตามทิศทางไหลเวียนของต่อมน้ำเหลือง ซึ่งช่วยให้วิตามินซึมเข้าสู่ผิวได้ดี ออกฤทธิ์ได้นานกว่าการฉีดแบบสะกิด เห็นผลได้ชัดเจน รวมถึงลดรอยช้ำได้มากกว่า ลดอาการแพ้หรือติดเชื้อได้ดีอีกด้วย ส่วนข้อเสียก็คือ ค่าใช้จ่ายสูงกว่าแบบสะกิด และอาจจะเจ็บกว่าแบบสะกิดเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากเข็มที่ใช้จะมีขนาดเล็กมาก และแทงลงไปในชั้นผิวลึกประมาณ 5-10 มิลลิเมตร ดังนั้น จึงไม่ต้องกลัวเจ็บเลย